บทปฏิบัติพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์

ของ

พระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร (โพธิ์แจ้ง) เจ้าคณะใหญ่สงฆ์จีนนิกาย รูปที่ 6

            บทสาธนะธรรมปฏิบัติในองค์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรนี้  ได้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนแรกเป็นสาธนะธรรมปฏิบัติเพื่อบรรลุสู่ความเป็นพระโพธิสัตว์แห่งมหาเมตตา ซึ่งท่านเจ้าคุณพระอาจารย์โพธิ์แจ้งมหาเถระได้อภิเษกมอบให้กับศิษย์ทุกระดับไว้ กลุ่มสัมพันธ์มหาวัชระยานนำมาแปลเพื่อเป็นที่ระลึก เพื่อเป็นการบูชาคุณ และเพื่อให้เกิดประโยชน์สำหรับผู้ที่รู้ในภาษาจีนไม่ลีกซึ้งพอ ส่วนที่ 2 เป็นตัวอย่างเบื้องต้นของการปฏิบัติธรรมสาธนะ สำหรับผู้สนใจและต้องการปฏิบัติสาธนะธรรม ที่ไม่มีโอกาสได้รับการอภิเษกจากท่านหรือพระลามาอื่นโดยตรง เพื่อให้เกิดผลสำเร็จอย่างแท้จริง ดังนั้นเมื่อรวมทั้งสองส่วนเข้าด้วยกันจึงเป็น สาธนะธรรมปฏิบัติที่สมบูรณ์ด้วยแบบฉบับใหม่ แม้จะผิดหลักการของการรจนา จารึก สาธนะธรรมตันตระแต่โบราณมา ซึ่งจะไม่เขียนในส่วนที่2ไว้  คุรุผู้อภิเษกธรรมสาธนะแม้จะใช้สาธนะธรรมเดียวกันแต่ท่านจะสอนวิธีการของแต่ละท่านเอง

            ผู้เรียบเรียงได้กำหนดหัวข้อ“ความทรงจำในพระอาจารย์ผู้เลิศล้ำของบรรดาศิษย์ผู้โง่เขลา” นี้ขึ้น เพื่อเป็นตัวอย่างเบื้องต้นของการปฏิบัติสาธนะธรรม ตามคำอธิบายที่ได้ใส่ไว้ท้ายสาธนะธรรมปฏิบัติในองค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์

            แม้ว่าหลักการสำคัญข้อหนึ่งของการปฏิบัติตันตระธรรมคือต้องมีคุรุ แต่หลวงปู่มหาชีวินพุทธนอร่าริมโปเช ได้เคยกล่าวสอนไว้(จากหนังสือทุกย่างก้าวสู่การบรรลู)ว่า ในบทสาธนะธรรมแห่งความเมตตาผู้ซึ่งมีความตั้งใจจริงจะปฏิบัติแต่ไม่สามารถถวายตัวเป็นศิษย์ในคุรุท่านใดได้ ก็ให้จุดธูปอธิษฐานที่กลางแจ้งต่อคุรุผู้สอนสาธนะธรรมนั้น(ในที่นี้คือคุรุโพธิ์แจ้งมหาเถระ)เพื่อขอปฏิบัติ แต่มีข้อแม้ว่าผู้ปฏิบัติด้วยวิธีนี้ต้องเป็นการเฉพาะตัวห้ามเผยแพร่ต่อผู้ใด อีกทั้งห้ามปฏิบัติในสาธนะปฏิบัติอันหลากหลาย โดยเฉพาะห้ามขาดในสาธนะของพุทธปางวัชระ

ความทรงจำในพระอาจารย์ผู้เลิศล้ำของบรรดาศิษย์ผู้โง่เขลา

            กลุ่มสัมพันธ์มหาวัชรยานได้รวมกลุ่มจัดตั้งขึ้นด้วยปณิธานเพื่อความกตัญญูรู้คุณและทดแทนคุณในพระมหาคณาจีนธรรมสมาธิวัตรฯ พระอุปัชฌาย์จารย์และพระอาจารย์ผู้ประเสริฐผู้มากด้วยมหาเมตตาต่อหมู่ศิษย์ไม่จำกัดว่าจะเป็นศิษย์ผู้เคยเป็นภิกษุสงฆ์ หรือศิษย์ฆราวาสทั้งปวง กลุ่มสัมพันธ์มหาวัชรยานส่วนใหญ่จะเป็นศิษย์ในช่วงปี2506-2520 ซึ่งข้าพเจ้าขอจัดเองว่าเป็นศิษย์ในรุ่นที่3ของท่านเจ้าคุณอาจารย์ เคยได้มีศิษย์รุ่นที่2 รวมอยู่ด้วยแต่ปัจจุบันท่านได้ติดตามพระอาจารย์ไปอยู่ยังพุทธเกษตรแล้ว  

            ศิษย์รุ่นแรกของของท่านเจ้าคุณอาจารย์ขอจัดให้เป็นกลุ่มศิษย์ช่วงที่ท่านย้ายจากสำนักสงฆ์เช็งจุ๊ยยี่ พระพุทธบาท สระบุรี มากรุงเทพฯจนถึงท่านได้สร้างสำนักสงฆ์หลับฟ้า ศิษย์รุ่นนี้คาดว่าในปัจจุบันได้ไปพำนักอยู่กับพระอมิตาภะพุทธเจ้าแล้ว ศิษย์รุ่นที่ 2 เป็นศิษย์ที่ท่านได้รับหลังจากได้รับพุทธตันตระธรรมจากพระมหาชีวินพุทธนอร่าริมโปเช่แล้วและได้สร้างสำนักสงฆ์หลับฟ้าขึ้น ราวปีพ.ศ.2482-2506 ศิษย์ในรุ่นนี้และศิษย์ในรุ่นต่อมาจัดว่าเป็นศิษย์วัชระ(พระอาจารย์เป็นพระมหาวัชราจารย์ศิษย์ย่อมได้พีชะแห่งวัชระแม้บางท่านจะไม่สนใจในวัชรยานเลยก็ตาม)จนถึงเมื่อท่านได้สร้างวัดโพธิ์แมนคุณารามขึ้นเมื่อปี2506จนถึง2520 ขอจัดให้ศิษย์ในช่วงนี้ว่าเป็นศิษย์รุ่นที่ 3 ส่วนรุ่นที่ 4 จัดเป็นรุ่นสุดท้ายจนถึงท่านได้ละสังขารเข้าสู่พุทธภูมิ ศิษย์ในรุ่นที่ 2 นี้ในปัจจุบันมีท่านเจ้าอาวาสวัดโพธิ์เย็นท่านเป็นผู้มีอาวุโสสูงสุดของหมู่ศิษย์ที่เป็นพระภิกษุ ท่านเจ้าคณะใหญ่สงฆ์จีนนิกายในปัจจุบันและท่านรองเจ้าคณะใหญ่จัดอยู่ในศิษย์รุ่นที่ 2 นี้ด้วย ส่วนศิษย์ฆราวาสในรุ่นที่ 2 นี้ ปัจจุบันคงเหลืออยู่แต่ข้าพเจ้าไม่สามารถรวบรวมจำนวนได้  ศิษย์ในรุ่นที่3 และ4ถึงแม้ว่าจะจัดเป็นศิษย์วัชระด้วยได้รับพีชะจากพระอาจารย์ผู้อุปัชฌาย์แต่ก็ไม่รู้เรื่องวัชรยานเลย ด้วยเหตุผลทางการเมืองการปกครองของไทยซึ่งนับถือพุทธในสายเถรวาท ความไม่ยอมรับในพุทธวัชรยานในยุดนั้น ทำให้พระอาจารย์ท่านตัดปัญหาไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงความเชื่อคนส่วนใหญ่ และไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งในชนชาวไทย ท่านจึงรับศิษย์ปฏิบัติมหายานสายพิเศษ(วัชรยาน)เพียงกลุ่มเล็กๆ แต่ศิษย์ส่วนใหญ่ท่านให้ปฏิบัติในมหายานสายหลัก แต่วัตรปฏิบัติที่สำคัญมากหลายประการท่านก็ใช้แนวทางในการปฏิบัติของวัชรยาน ดังเช่นพิธีโยคะตันตระ พิธีกุยอีก้วงเต๋ง(รับศิษย์และมนตราภิเษก) พิธีปลุกเศกพระเครื่องพระบูชา เป็นต้น

            ช่วงที่กลุ่มข้าพเจ้าได้บรรพชา อุปสมบทอยู่ในวัด สิ่งซึ่งคณะสงฆ์จีนได้จัดเพื่อแสดงมุฑิตาจิตต่อองค์พระอาจารย์ในยุดนั้นยังคงติดตรึงในความทรงจำของพวกข้าพเจ้ามาตลอด ทุกปีเมื่อก่อนถึงวันคล้ายวันเกิดของท่านหนึ่งเดือน(ท่านเกิดเมื่อเดือน6วันที่16) ทุกวันตลอดหนึ่งเดือนจะมีศิษยานุศิษย์มาขอจัดพิธีโยคะตันตระเพื่อถวายบุญกุศลบูชาคุณพระอาจารย์ ส่วนวันใดที่ไม่มีศิษย์ฆราวาสภายนอกมาขอเป็นเจ้าภาพทางวัดก็จะเป็นเจ้าภาพจัดให้เอง(ส่วนใหญ่จะมีศิษย์ภายนอกมาเป็นเจ้าภาพเกือบเต็มทั้งเดือน) และมีการถวายอาหารพุทธบูชาทั่ววัด และเลี้ยงพระเพลทุกวัน เมื่อถึงวันคล้ายวันเกิด ช่วงเช้าจะมีพิธีรับศิษย์ฆราวาส(กุยอี) กลางวัน มีพิธีถวายอาหารพุทธบูชาและเลี้ยงพระเพล ตอนบ่าย มีพิธีมนตราภิเษก ตอนค่ำจะมีพิธีโยคะตันตระใหญ่

            พิธีโยคะตันตระที่จัดยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ข้าพเจ้าเคยเห็นและรู้มา ก็คือพิธีที่จัดเมื่อปี 2515 เมื่อคราวที่ท่านอายุ 72 ปี ปีนั้นใช้พระภิกษุและสามเณรในพิธีรวมกันถึง108รูป พิธีครั้งนั้นจัดเต็มสนามหญ้าหน้าวัดโพธิ์แมนคุณาราม มณฑลพิธีจัดแบบมณฑลจักรวาล พระภิกษุสามเณรนั่งปฏิบัติพิธีตามตำแหน่งมณฑลจักรวาลแห่งพุทธบัญญัติ มีเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลางของจักรวาล โดยมีพระพุทธไวโรจน์เป็นประธาน พระพุทธเจ้าทั้งสามกาล พระโพธิสัตว์เจ้า เรียงรายไปตามตำแหน่งที่ประทับ สี่ทิศมีท้าวโลกาภิบาลประจำอยู่ พิธีการสำคัญในงานประกอบด้วย พิธีรับศิษย์ พิธีถวายพุทธบูชาและเลี้ยงพระ พิธีมนตราภิเษกและพิธีโยคะตันตระ 2ใน4 เป็นพิธีกรรมของวัชรยาน ข้าพเจ้าจำได้ว่าวันนั้นตอนใกล้พิธีโยคะตันตระในตอนค่ำเมฆดำมืดฟ้าคะนองร้องอื้ออึง คาดว่าฝนจะตกใหญ่และจะเป็นปัญหามากเพราะพิธีจัดกลางแจ้ง แต่เมฆก็ดำมืดถมึงเช่นนั้นอยู่ 4ชั่วโมงกว่าจนกระทั่งพิธีเสร็จและเก็บของใช้ในพิธีจนเสร็จฝนจึงตกลงมาอย่างมากมายจนลืมตาไม่ขึ้น

นี่คือสิ่งซึ่งเกิดขึ้นด้วยความศรัทธา ความเคารพ ความเชื่อมั่น ความต้องการทดแทนคุณด้วยรู้ซึ้งในคุณความดี ความเมตตาของพระอาจารย์ ทุกท่านที่ร่วมในพิธีการไม่ว่าจะเป็นหมู่สงฆ์ผู้ศิษย์ ศิษย์ฆราวาสภายนอก หรือชนชาวประชาที่มาร่วมงานเพียงแต่ได้ยินกิติคุณของท่าน ทุกท่านร่วมงานช่วยงานด้วยความอิ่มเอม ปลื้มปีติ

 

            ท่านเจ้าคุณอาจารย์ท่านมีเมตตากรุณาอย่างสูงต่อศิษย์ท่าน มีศิษย์เป็นจำนวนมากซึ่งเข้าใจผิดในเจตนาของพระอาจารย์  ในขณะนั้นผู้ที่เข้าบรรพชาอุปสมบทเป็นสงฆ์จีนแล้ว การจะขอสึกออกมาเป็นนั้นยากมาก เมื่อไปขอพระอาจารย์ว่าจะสึกท่านจะว่ายังไม่ถึงเวลา ขณะนี้ดวงชะตาไม่ดีไม่ควรสึก สึกออกไปตอนนี้จะลำบาก ในหมู่ศิษย์ที่เวลาผ้าเหลืองร้อนแทบจะทั้งนั้นที่ไม่ใช้ความคิดและไม่ใช้สติเลย คิดเพียงว่าท่านต้องการใช้ศิษย์ไว้สืบต่อศาสนา ไว้ใช้งานเพื่อพระศาสนา โดยที่ไม่ได้เห็นใจเห็นความต้องการของศิษย์  แต่ถ้าได้มีการพิจารณาและรับฟังเรื่องราวที่แท้จริงแล้ว ก่อนหน้านั้นก็มีผู้ที่สึกออกไปเป็นจำนวนไม่น้อย บางท่านสึกออกไปแล้วเจริญรุ่งเรือง บางท่านสึกออกไปแล้วตกยากทุกข์เข็น และก็มีบางท่านได้เสียชีวิตไปหลังจากสึกออกไปไม่นาน ถ้าสอบถามให้ดีจะรู้ว่าผู้ที่ตกต่ำและไม่ประสพสภาพที่ดี เป็นผู้ที่ท่านไม่อนุญาตให้ลาสึกออกไปแทบทั้งสิ้นแต่สุดท้ายก็ทนการตื้ออย่างไม่มีกาลเทศะไม่ได้ ท่านจึงต้องปล่อยให้ออกไปตามกรรมของคนผู้น้น คงปฏิเสธไม่ได้ว่าท่านต้องการให้ได้ศิษย์ไว้สืบต่อพระศาสนา แต่ผู้ที่คิดว่าท่านต้องการดึงตนไว้ใช้งานต่อ ตัวท่านเองมีปัญญาความสามารถเท่าไรที่จะจรรโลงและรับต่อในงานสืบพระศาสนา การที่ท่านให้เราอยู่ท่านต้องรับผิดชอบชีวิตของเรา ทั้งกินอยู่หลับนอน อบรมสั่งสอน นำพาให้เราไปความสุขที่เหนือจากสิ่งที่มวลมนุษย์จะได้รับ ด้วยภูมิปัญญาและฌานสมาบัติของท่าน ท่านสามารถรู้ถึงอดีตชาติและชาติอนาคตของศิษย์แต่ละคนได้หลายภพหลายชาติ (ครั้งหนึ่งท่านเคยกล่าวกับศิษย์ผู้หนึ่งว่าดีแล้วที่มาเจอกันฉันตามหาเธอมาหลายชาติแล้ว) ทำไมท่านจึงต้องเลี้ยงเราทั้งหมดทุกคน ท่านสามารถเลือกเฉพาะผู้ที่มีบุญบารมีมากพอที่จะสืบต่อศาสนาอย่างมีความสามารถ ในจำนวนพันจำนวนหมื่นจะหาผู้มีบุญบารมีเพื่อรับช่วงต่อได้สักกี่คน การที่เราอยู่กับท่านเป็นการเพิ่มภาระให้กับท่าน เรามาพึ่งท่านมากกว่าที่ท่านต้องพึ่งพาเรา ท่านสามารถปลีกตัวอยู่อย่างสบายๆเข้าสู่พุทธเกษตรได้โดยมิต้องรับภาระเช่นใดอีกเลย ด้วยโพธิจิตที่ท่านมี ท่านจึงปฏิบัติต่อมวลมนุษย์ด้วยมหาเมตตา แต่ศิษย์ผู้โง่เขลาก็ยังมองไม่เห็นในจิตเมตตาของพระอาจารย์ เมื่อไรดวงตาอันมืดบอดของศิษย์ที่หลงผิดจะเปิดขึ้นรับความจริงแห่งธรรมเสียที

            ในที่นี้ข้าพเจ้าของนำวัชรพิธีซึ่งเป็นพิธีการสำคัญซึ่งจัดในวันคล้ายวันเกิดของท่านเจ้าคุณอาจารย์ มาเผยแพร่เพื่อให้เป็นไปตามเจตนาแห่งโพธิจิตของท่านคือโปรดสรรพสัตว์ให้ถ้วนทั่ว พิธีโยคะตันตระซึ่งทางกลุ่มมหาวัชรยานได้จัดเป็นประจำทุกปีในวันที่ระลึกคล้ายวันมรณะภาพของท่านอยู่แล้ว อีกพิธีการหนึ่งซึ่งสำคัญมากเช่นกัน คือการมนตราภิเษกในองค์พระอวโลกิเตศวรพระโพธิสัตว์ ข้าพเจ้าขอนำบทมนตราภิเษกมาแปลจากภาคภาษาจีนเป็นภาคภาษาไทยเพื่อให้ชาวพุทธทั้งหลายและศิษยานุศิษย์ซึ่งในปัจจุบันไม่ค่อยสันทัดในภาษาจีนได้เข้าใจและนำไปปฏิบัติเพื่อเพิ่มบุญญาบารมีให้มากขึ้น มากขึ้นจนเพียงพอนำเราเข้าสู่พุทธเกษตร ดำรงอยู่ในมหาสุขโดยมิต้องรับทุกข์ทรมานอีก

 

สวดคาถาหัวใจเพื่อรวมจิตเป็นหนึ่งเดียวกับคุรุโพธิ์แจ้งมหาเถระ

 

โอม อา โฮง เบนจา มหา กูรู ทิม ซิน กุน ดัค ซาวา สิทธิ โฮง*

            ด้วยหลักการของวัชรยาน ถ้าคุณไม่สามารถรวมจิตเป็นหนึ่งเดียวกับคุรุได้ คุณก็สิ้นหวังว่าจะได้บรรลุ ซึ่งเป็นหลักการสำคัญยิ่งข้อหนึ่งของวัชรยาน

            คุรุ มีความสำคัญสูงสุดสำหรับผู้ปฏิบัติวัชรยาน ความทรงจำในคุรุ เป็นวิธีการเบื้องต้นวิธีหนึ่งของการเข้าสู่หลักการนี้ เพื่อให้การปฏิบัติเกิดผลสำเร็จ คุรุคือตัวแทนของพระพุทธเจ้าในการมอบการปฏิบัติในการบรรลุสู่ความเป็นพุทธะ พระพุทธเจ้าคือภาพในจินตนาการ  คุรุคือของจริง จับต้องได้ การได้สัมผัสกับของจริงย่อมง่ายและให้ผลอย่างถูกต้องรวดเร็วกว่าการสัมผัสกับภาพในจินตนาการ และเมื่อขี้นไปอีกขั้นหนึ่ง คุรุคือพุทธะ พุทธะคือคุรุ การรวมจิตเป็นหนึ่งเดียวกับคุรุ จึงเป็นหนึ่งเดียวกับพระพุทธเจ้าด้วย และผู้ปฏิบัติก็บรรลุความเป็นพุทธะด้วยเช่นเดียวกัน นี่คือแนวทางแห่งการปฏิบัติพุทธโยคะตันตระ

บทปฏิบัติในองค์พระโพธิ์สัตว์อวโลกิเตศวร

 ผู้ที่ต้องการปฏิบัติวัชรธรรมบทนี้ ขอให้เริ่มครั้งแรกด้วยการ ตั้งจิตถึงพระจารย์โพธิ์แจ้งเพื่ออธิฐานขอธรรมปฏิบัติชุดนี้มาปฏิบัติ

ปลุกเสกและถวายธูป

            ชำระกายใจให้บริสุทธิ์ ถือธูปด้วยมือซ้าย มือขวานิ้วโป้งแตะจีบกับนิ้วนาง แล้วสร้างนิมิตว่า ปลายนิ้วที่แตะกันมีอักขระโอม.  อักขระโอม เปลี่ยนเป็นดอกบัวสีขาวมีเกสรยื่นออกมา ใช้ดอกบัว ที่ปลายนิ้วเขียนอักขระ  โอม อา โฮง บนธูป สร้างนิมิตว่า อักขระทั้งสามได้ปล่อยแสง สี ขาว แดง น้ำเงินออกมา ธูปนั้นก็สะอาดบริสุทธิ์ แล้วใช้สองมือจับธูปยกขึ้นเสมอคิ้ว ตั้งจิตอธิษฐาน ว่า ขอถวายควันธูปหอม บูชาคุรุและพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ทั่วทศทิศ ปักธูปลงบนกระถางธูป แล้ว

กราบ 4 ครั้ง   แล้วให้นั่งท่าสมาธิ หรือนั่งสบายๆ

 

สวดขอสรณะสี่ 3จบ

ด์บาล.ล๋เดน.บ๋ลา.มา.ดัม.ปา.ร๋นัม.ลา.ซ๋(ก์จับซ์.ซู.อ์ชิโอ์./ 

ยิ.ดัม.ด์(ก์จิล.อ์ฆอร์.(ค์จิ.ลาฮ์.โฌคซ์.ร๋นัม.ลา.ซ๋(ก์จับซ์.ซู.อ์ชิโอ์/

ซังซ์.ร๋(ค์เจซ์.บ์โจม.ล๋เดน.อ์เดซ์.ร๋นัม.ลา.ซ๋(ก์จับซ์.ซู.อ์ชิโอ์/

ดัม.ปีอิ.โชซ์.ร๋นัม.ลา.ซ๋(ก์จับซ์.ซู.อ์ชิโอ์/

อ์ภัคซ์.ปีอิ.ด์เค.อ์ดุน.ร๋นัม.ลา.ซ๋(ก์จับซ์.ซู.อ์ชิโอ์/

ด์ปาอ์.โว.ม์ฆาอ์.อ์/ค์โด.โชซ์.ซ๋(ก์โจง./ซุง.มีอิ.โฌคซ์.เย.เฉซ์.(ก์จิ.ซ๋(ป์เฉน.ดัง.ล๋เดน.ปา.ร๋นัม.ลา.ซ๋(ก์จับซ์.ซู.อ์ชิโอ์/

ในคุรุทั้งปวงผู้ทรงศิริ
องค์ยิดัมเทพพุทธะแห่งมณฑล
ในพระพุทธเจ้าทั้งปวงผู้ควรแก่การบูชา 
ในพระธรรมเจ้า
ในพระสังฆเจ้า
ฑากะ-ฑากินี ธรรมบาลผุ้ปกป้องธรรมแห่งมณฑลปัญญา
ข้าพเจ้าขอยึดเป็นสรณะ

สวดโพธิจิต 3 จบ

ซังซ์.ร๋(ค์เจ.โชซ์.ดัง.โฌคซ์.(ก์จิ.ม์โชค.ร๋นัมซ์.ลา/

(บ์ชัง.ชุบ.บาร์.ดู.บ์ดาค์.นิ.ซ๋(ก์จับซ์.ซู.ม์ชิ/

บ์ดาค์.คีซ์.ซ๋(บ์จิน.โซคซ์.บ์(ค์จีซ์.ปีอิ.บ์โสะด์.นัมซ์.(ก์จีซ์/

อ์/ค์โด.ลา.เภน.(ภ์ฉิร์.ซังซ์.ร๋(ค์เจ.อ์/ค์ดุบ.ปาร์.โฉค //

 ในพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า 
ข้าพเจ้าของยึดถือเป็นสรณะจนถึงกาลบรรลุพระโพธิญาณ
ด้วยบุญกุศลแห่งมุทิตาปฏิบัติและบารมีที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมา 
ขอให้ข้าพเจ้าบรรลุถึงซึ่งพุทธภาวะเพื่อประโยชน์สุขของสรรพสัตว์ทั้งหลาย

พรหมวิหารสี่

เซมซ์.เจน.ถัมซ์.เจะด์.บ์เด.วา.ดัง.บ์เด.วีอิ.ร๋(ค์ยู.ดัง.ล๋เดน.ปาร์.(ค์จูร์.จิค /

ซ๋ดุค.บ์ซ๋งัล.ดัง.ซ๋ดุค.บ์ซ๋งัล.(ค์จิ.ร๋ค์ยู.ดัง./บ์ทัล.วาร์.(ค์จูร์.จิค /

ซ๋ดุค.บ์ซ๋งัล.เมะด์.ปีอิ.บ์เด.วา.ดัม.ปา.ดัง.มิ.อ์/บ์ทัล.วาร์.(ค์จูร.จิค /

เณ.ริง.ชัคซ์.ซ๋ดัง.ค์ณีซ์.ดัง./บ์ทัล.วีอิ.บ์ตังซ์.ซ๋โณมซ์.เฌะด์.เมะด์.ปา.ลา.ค์เนซ์.ปาร์.(ค์จูร์.จิค /

สรรพสัตว์ทั้งหลายขอจงเป็นสุขเป็นสุขและได้ถึงซึ่งเหตุแห่งสุข
สรรพสัตว์ทั้งหลายขอจงพ้นทุกข์และเหตุแห่งทุกข์
ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายอย่าได้ห่างไกลจากบรมสุข โดยปราศจากทุกข์
ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายจงอยู่ในอุเบกขาภาวะซึ่งหลุดพ้นจากการหลงใหลในความรักชอบหมู่ญาติมิตรและ ความเกลียดชังในศัตรู

ธรรมปฏิบัติชุดที่ 1

สร้างนิมิตว่า หน้าผากระหว่างคิ้วของเรามี อักขระโอม ปล่อยแสงสีขาวเข้าสู่ร่างตรงหว่างคิ้ว กลางลำคอมีอักขระอา  ปล่อยแสงสีแดงเข้ามาสู่ร่างตรงกลางลำคอ  ตรงกลางหัวใจอักขระโฮง  ปล่อยแสงสีน้ำเงินเข้าสู่ร่างตรงกลางหัวใจ แสงทั้งสามสว่างไสวครอบคลุมทั่วร่างเข้าไปชำระกาย วาจา ใจ ของเรา อกุศลกรรมและสิ่งไม่ดี ทั้งหมดที่ติดมาจากการกระทำแต่ปางหลังนานมากจนไม่อาจนับได้ในอดีตกาล จนถึงปัจจุบัน กรรมทั้งปวงเมื่อต้องแสงแห่งอักขระก็เปลี่ยนเป็นน้ำสีดำ ไหลออกมาลงสู่แผ่นดิน กาย วาจาใจ ของเราเมื่อได้รับการชำระล้างก็สะอาดบริสุทธิ์ดั่งกาย วาจา ใจของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร

พนมมือเหมือนดอกบัวสวดคาถาหัวใจ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พร้อมกับประกอบมุทราหมุนมือไป ตามตำแหน่ง ด้วยจิตที่สงบนิ่งมุ่งมั่น

คาถาหัวใจพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์

โอม.มา.นิ.เปะ.เม.โฮง./

 เริ่มจากพนมมือที่อก สวดโอม เคลื่อนมือที่พนมมาที่ไหล่ซ้ายสวด มา เคลื่อนไปที่คอสวด นี เคลื่อนไปที่ไหล่ขวา สวดเปะ เคลื่อนลงไปที่สะดือสวด เม เคลื่อนขึ้นไปที่หน้าผากสวด โฮง ต่อด้วยชุด2 มืออยู่ที่หน้าผากสวดโอม ลงมาที่คอสวดมา ไหล่ขวาสวดนี สะดือสวดเปะ ไหล่ซ้ายสวดเม หน้าอกสวดโฮง  ต่อวนด้วยชุดที่1ใหม่ วนไปเรี่อยๆ สวดไปเรื่อยๆ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้

สวดคาถาและประกอบมุทรา1-2,1-2,ให้มากครั้งที่สุด เท่าที่ต้องการ เมื่อหยุดก็ปฏิบัติธรรมชุดที่2ต่

ธรรมปฏิบัติชุดที่2

สร้างนิมิตต่อไปว่า กลางใจของเรามีแผ่นพระจันทร์เหลืองสุกสว่าง นภากาศเบื้องหน้าเหนือหัวมีแผ่นอาทิตย์สีแดงระเรื่อ ตรงกลางมีอักขระฮรี  หj;. สีแดง

เปล่งแสงส่องสว่างทั่วจักรวาล อักขระฮรี ได้กลายเป็นองค์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร องค์ท่านขาวกระจ่างมีหนึ่งเศียร สองแขน บนพระเศียรสวมมงกุฎพระพุทธเจ้าห้าพระองค์(พระพุทธไวโรจน์ ,พระพุทธเจ้าอักโษภยะ, พระพุทธเจ้ารัตนสัมภว, พระพุทธเจ้าอมิตาภะ, พระพุทธเจ้าอโมฆสิทธิ์) นั่งในท่าสมาธิเพชร สวม   เครื่องประดับมือ ประดับแขน สวมสร้อยสังวาล 3 เส้น (ดูรูปองค์อวโลกิเตศวรปางทิเบตประกอบด้วยจะได้ตั้งนิมิตถึงองค์ท่านได้ถูก) กลางหน้าผากมีอักขระโอม  ผ็. สีขาว  กลางลำคอมีอักขระอา ผ9. สีแดง  ตรงหัวใจมีอักขระโฮง.๔. สีน้ำเงิน  อักขระโอม.ปล่อยแสงสีขาว  อักขระอา.ปล่อยแสงสีแดง อักขระโฮง.ปล่อยแสงสีน้ำเงินออกมา  ขณะเดียวกันกลางหน้าผาก ลำคอ และหัวใจของเราก็มีอักขระ ผ็.ผ9ะ๔.โอม อา โฮง. อักขระ ผ็. โอมกลางหน้าผากรับแสงสีขาว อักขระ ผ9. อากลางลำคอรับแสงสีแดง  อักขระโฮง.กลางหัวใจรับแสงสีน้ำเงิน เมื่อรับแสงแล้ว จุดช่องพรหมกลางกระหม่อมก็เปิด พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เบื้องหน้าได้ย่อเล็กลงผสานอยู่ในแสงพุ่งเข้ามาในร่างเราทางช่องพรหมที่เปิดไว้ เมื่อนั้นเราก็ได้ รวมร่างเป็นหนึ่งเดียวกับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ เราได้กลายเป็นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ขณะนั้นทุกความคิด ทุกความรู้สึก ทุกการกระทำของเราคือความคิด ความรู้สึกและการกระทำของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ต่อมาให้ใช้นิ้วโป้งแตะจีบกับนิ้วนางของมือขาว เขียนอักขระโอม.อา.โฮง. ผ็.ผ9ะ๔.บนฝ่ามือข้างซ้าย ใช้มือซ้ายหยิบสร้อยประคำมา เขียนอักขระโอม.อา.โฮง.ขณะเขียนอักขระก็สวดคาถาหัวใจพระอวโลกิเตศวรไปด้วยแล้วเป่าไปที่สร้อยประคำ ใช้มือทั้งสองจับสร้อยประคำแล้วสวดคาถาหัวใจพร้อมนับเม็ดประคำไปด้วยพร้อมๆกัน ให้ปฏิบัติด้วยความมีสมาธิจิต นิ่งสงบ ช่วงเวลาปฏิบัตินี้มากน้อยเป็นไปตามความสามารถและต้องการของแต่ละบุคคล อย่างน้อยสุดต้องได้หนึ่งรอบเส้นประคำ

ธรรมปฏิบัติชุดที่ 3

ให้สร้างนิมิตว่า อักขระ ผ็. โอม สีขาวบนหน้าผากได้ปล่อยแสงสีขาวออกส่องไปทั่วจักรวาล สรรพสัตว์ทั้งหกภูมิเมื่อต้องแสงสีขาวนี้ อกุศลกรรมทั้งมวลก็ได้รับการชำระสลายไป สามพิษโลภ โกรธ หลง สูญสลายไม่เกิดขึ้นอีก นิมิตต่อไปว่าอักขระ ๔. โฮง  กลางหัวใจได้ปล่อยแสงสีน้ำเงินออกมา ส่องไปทั่วจักรวาล ทั่วทุกพุทธเกษตร สรรพสัตว์ทั้งหกภพภูมิเมื่อต้องแสงสีน้ำเงินนี้ ก็สุขสงบ และสามารถติดตามแสงนั้นไปยังพุทธเกษตรใดก็ได้ตามต้องการ นิมิตต่อว่าแสงสีขาวและสีน้ำเงินที่ปล่อยออกไปได้รวมตัวกันพุ่งย้อนกับมาเข้าสู่จุดช่องพรหมกลางกระหม่อมพุ่งตรงลงมาตามช่องปราณกลางลำตัวสู่จุดจักระ ตังฉั้ง (ใต้สะดือสองนิ้ว) ขณะนิมิตให้สวดคาถาหัวใจไปด้วย ต่อด้วยการนั่งสมาธิ ดำรงอยู่ในศูนยตา นานเท่าที่ต้องการ

 เมื่อออกจากสมาธิให้สวด

นำโมกวนซืออิมพู่สัก   3จบ หนึ่งจบกราบหนึ่งครั้ง

นำโมสิบฟังเชียงจูฟูฟับเจงซำเปา 3จบ หนึ่งจบกราบหนึ่งครั้ง

สวดอุทิศบุญกุศล

โซะด์.นัมซ์.อ์ดิ.ยีซ์.ถัมซ์.เจะด์.ค์สิคซ์.ปา.ณิด/             โถบ.เน.เณซ์.ปีอิ.ดะ/ค์.ร๋นัมซ์.ภัม.(บ์เช.ฉิง/

ซ๋(ก์เจ.ร๋คา.นา.อ์ชิ.ร๋บา.ร๋เลบซ์.บ์/ฆฑุคซ์.ปา.ยิ /         ซิด์.ปีอิ.ม์โฌ.เลซ์.อ์/ค์โด.วา.ซ์/ค์โดล.วาร์.โฉค /

อ์จัม.ด์ปาล.ด์ปาอ์.วูอิ์.จิ.ล๋ดาร์.ม์(ฆ์เฉน.ปา.ดัง./           กุน.ตู.บ์สัง.โป.เด.ยัง.เด.บ์ษิน.เต /

เด.ดะค์.กุน.(ค์จิ.ร๋เจซ์.ซู.บ์ดาค์.ซ๋โลบ.จิง./                 ด์เค.วา.อ์ดิ.ดะค์.ถัมซ์.เจะด์.เรบ.ตู.บ์ซ๋โง/

(บ์ชัง.ชุบ.เซมซ์.ม์โชค.ริมน์.โป.เช/                          มา.ซ๋(ก์เจซ์.ปา.ร๋นัมซ์.ซ๋(ก์เจซ์.(ค์จูร์.จิค /

ซ๋(ก์เจซ์.ปา.ณัมซ์.ปา.เมะด์.ปาร์.ยัง./                        โคง.เนซ์.โคง.ดู.อ์เภล.วาร์.โฉค //

ด้วยบุญกุศลเหล่านี้ขอให้ข้าพเจ้าบรรลุถึงการตรัสรู้/เป็นผู้มีชัยต่อมารทั้งหลาย อันเนืองมาจาก/
การเวียนว่ายในวัฏฏสงสารแห่งการ เกิด แก่ เจ็บ.ตาย/สรรพสัตว์ทั้งหลายพ้นจากทะเลแห่งวัฏฏสงสาร/

เช่นดังพระปัญญาญาณแห่งพระมัญชุศรีโพธิสัตว์/และเป็นเช่นดังพระสมันตรภัทรโพธิสัตว์
เพื่อที่จะฝึกฝนข้าพเจ้าตามวิถีแห่งโพธิสัตว์/

ขอให้ภาวะจิตแห่งพระโพธิญาณ/ซึ่งไม่เคยบังเกิดจงปรากฏขึ้น
ภาวะจิตแห่งโพธิญาณที่มีอยู่แล้วจงอย่าเสื่อมถอย/เจริญขึ้นเป็นทวีคูณ เทอญ/ 

           วัชรตันตระธรรมเพื่อบรรลุโพธิญาณดังองค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์นี้ พระอาจารย์โพธิ์แจ้งมหาเถระฯ ได้เรียบเรียงขึ้นเป็นภาษาจีนเพื่อให้ศิษย์วัชระของท่านได้ปฏิบัติ หลังจากท่านได้กลับจากการรับธรรมจากพระอาจารย์ของท่าน นอราริมโปเช ที่ประเทศจีน เมื่อราวปี พ.ศ.2479 ศิษย์ยุคแรกของท่านมอบตัวเป็นศิษย์ท่านเพื่อต้องการปฏิบัติธรรม ดังนั้นทั้งหมดล้วนปฏิบัติวัชรตันตระธรรมทั้งสิ้น จึงต้องปฏิบัติวัชรตันตระธรรมตามแบบแผนตามลำดับที่ท่านกำหนดไว้มากมายหลายธรรมวิธี เพื่อให้ต่อไปจะได้เป็นธรรมาจารย์สั่งสอนผู้อื่นต่อได้ ต่อมาเมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป กลุ่มผู้มาเป็นศิษย์ของท่านได้เปลี่ยนเป้าหมายไป ส่วนใหญ่มอบตัวเป็นศิษย์ด้วยความศรัทธาในตัวท่าน บางท่านก็เป็นศิษย์เพื่อขอความช่วยเหลือจากท่าน ฯ เป้าหมายที่ต้องการปฏิบัติธรรมเพื่อบรรลุโพธิญาณน้อยลงมาก ท่านจึงได้เลือกธรรมวิธีนี้เพื่อมอบให้ และถือเป็นการบังคับ กลายๆ ว่าทุกท่านที่มาเป็นศิษย์จะต้องปฏิบัติธรรมด้วย แม้จะมีสาเหตุอื่นใดเป็นความต้อง แต่ก็ต้องรับเอาธรรมไปปฏิบัติด้วย ในพิธีรับศิษย์ประจำปี (กุยอี)เมื่อวันคล้ายวันเกิดของท่าน ท่านจะประกอบพิธีอภิเษกวัชระตันตระธรรมนี้ ให้ ผู้ผ่านพิธีอภิเษกแล้วถือว่าเป็นศิษย์วัชระของท่านโดยสมบูรณ์มีศักดิ์ มีสิทธิ์ในการปฏิบัติธรรมวิธีอย่างสมบูรณ์

             สาธนะนี้ใช้ปฏิบัติพุทธโยคะตันตระ ด้วยการฝึกหัดยึดถือ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เป็นเป้าหมาย ในการรวมกาย วาจา ใจให้เป็นหนึ่งเดียว ขณะใดที่ กาย วาจา ใจ ของเรารวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ขณะนั้น เราก็คือพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ แม้เราได้ปฏิบัติไปเรื่อยๆจนเกิดความเคยชิน จนเป็นส่วนหนึ่งของตัวเรา ทุกกริยา ทุกจินตนา ทุกวาจา ทุกขณะจิตเหมือนดังพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ โพธิญาณเทียมซึ่งฝึกหัดสร้างขึ้น ก็เปลี่ยนเป็น โพธิญาณแท้ เมื่อเข้าสู่ภาวะนั้น ก็จะเกิดปรากฏการณ์ บรรลุธรรมหนึ่ง ธรรมทั้งหมื่นก็บรรลุ ดังเช่นอมตะวาจาของ พระอาจารย์โพธิ์แจ้งมหาเถระ ได้กล่าวไว้

 

ดาวน์โหลดตัวอักษร (ฟ้อนต์) ทิเบตทั้ง ๓ แบบ เพื่อความสมบูรณ์ในการชมเว็บ

actisan.ttf

adtibet.ttf

atibet.ttf


uptime alert service

website monitor

View My Stats